ข่าวเด่นรอบวัน ข่าวด่วน ข่าวเด่นวันนี้

อัพเดตทุกข่าวล่าสุด ทั้งข่าวการเมือง ข่าวบันเทิง วาไรตี้ และเรื่องแปลกต่างๆนานา เราคัดมาแล้วเพื่อคุณ

Monday, July 27, 2015

ออกหมายเรียกมือยิงหมาแม่ลูกอ่อน เล็งแจ้ง 4 ข้อหาหนัก


ตำรวจสุราษฎร์ธานี ออกหมายเรียกมือยิงหมาแม่ลูกอ่อนตาย เตรียมแจ้งเอาผิด 4 ข้อหาหนัก ชี้หากเบี้ยวรายงานตัว จะออกหมายจับทันที
            จากกรณีคนร้ายใช้ปืนยิงสุนัขแม่ลูกอ่อนจรจัด 3 ตัว ที่เจ้าของตลาดนัดเลี้ยงดูให้ข้าวให้น้ำ จนตายไป 2 ตัว ส่วนอีก 1 ตัว บาดเจ็บสาหัส บริเวณบ้านเลขที่ 8/6 หมู่ 7 ต.บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งยังพบว่า มีลูกสุนัขที่ยังเล็กนับสิบตัว กำลังพยายามดูดนมจากแม่สุนัขที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้วยความหิวโหย ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นสร้างความหดหู่แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง พร้อมร่วมกันกล่าวประณามมือยิงใจโหดรายนี้
            ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางมะเดื่อ พร้อมให้ข้อมูลว่า ตนมีบ้านพักติดกับพื้นที่ตลาดนัด จึงมีสุนัขจรจัดหลายตัวเข้ามาอยู่อาศัย ทางครอบครัวจึงได้เลี้ยงดูให้อาหารด้วยความสงสาร แต่แล้วเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม มีเพื่อนบ้านรายหนึ่งมาแจ้งว่า สุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ไปกัดกินไก่ของเขา พร้อมทั้งมีสุนัขถูกยิงตายไป 1 ตัว ซึ่งครั้งแรกตนไม่ได้ติดใจอะไร และเมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 กรกฎาคม เพื่อนบ้านคนดังกล่าวก็ใช้อาวุธปืนยิงสุนัขแม่ลูกอ่อนอีก 3 ตัว เสียชีวิต 2 ตัว ทั้งยังพูดจาเชิงข่มขู่ว่า หากนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะกลับมายิงสุนัขที่เหลือให้ตายให้หมดด้วย


            ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 พ.ต.ท. กรณ์ ทองปรีชา พงส.ผนก.สภ.บางมะเดื่อ เปิดเผยความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อเชิญตัว นายสถาพร (สงวนนามสกุล) ผู้ก่อเหตุ ให้เข้ามาพบเพื่อสอบปากคำว่า นายสถาพร มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวหรือไม่ โดยทางญาติของนายสถาพรติดต่อว่า จะพาตัวนายสถาพรเข้ามาพบเอง แต่สุดท้ายก็ไม่มาตามนัดหมาย จึงได้ดำเนินการออกหมายเรียกให้เข้ามารายงานตัวในวันนี้ (28 กรกฎาคม) พร้อมแจ้ง 4 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย

            1. เข้าไปในเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควรโดยมีอาวุธ

            2. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

            3. พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรื­อทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุอันจำเป็นและเร่งด่วน­ตามสมควรแก่พฤติการณ์

            4. กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร

            พ.ต.ท. กรณ์ กล่าวต่อว่า หากวันนี้ นายสถาพรยังไม่เข้ามาพบตามหมายเรียก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการออกหมายจับต่อไป

            นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชมรมคนรักหมาได้เดินทางมาพบผู้เสียหายพร้อมมอบนมแพะสำหรับใช้เลี้ยงลูกสุนัขให้จำนวน 1 ลัง เพื่อนำไปใช้เลี้ยงลูกสุนัขที่แม่ถูกยิงตาย

ภาพจาก  รายการเรื่องเล่าเช้านี้

Friday, June 12, 2015

ความสุขในการเดินทางของลูกอุรังอุตัง


The International Animal Rescue centre ในประเทศอินโดนีเซีย เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของอุรังอุตังกว่า 80 ตัว อุรังอุตังที่อาศัยอยู่ในนี้ส่วนใหญ่จะได้รับการช่วยเหลือมาจากการถูกลักลอบไปเลี้ยงในฐานะสัตว์เลี้ยง


ในแต่ละวันเจ้าหน้าที่จะฝึกการใช้ชีวิตให้กับพวกมัน ที่พักและสถานที่ในการฝึกนั้นอยู่ห่างกัน เจ้าหน้าที่จึงใช้รถเข็นในการนำตัวพวกมันไปฝึกเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในป่าได้ และลูกลิงแต่ละตัวก็ดูมีความสุขกับการเดินทางแบบนี้


ที่มา สำรวจโลก


แล้งหนัก! ชัยนาท-สิงห์บุรี แย่งน้ำ ทหารคุมให้สูบฝั่งละ 6 วัน

ชาวนาจากสิงห์บุรี และชัยนาทมีที่นาอยู่บนคลองสายเดียวกัน เกิดปัญหาแย่งกันสูบน้ำที่ชลประทานปล่อยออกมา เนื่องจากปีนี้น้ำน้อย ไม่พอทำนา สุดท้ายต้องเปิดเจรจา ตกลงว่าจะสลับเวรสูบน้ำฝั่งละ 6 วัน โดยมีทหารคุมเข้มไม่ให้มีใครแหกกติกา...


เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 58 ชาวนาจากอ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี และจากอ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท รวมจำนวนกว่า 200 คน เดินทางมายังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบรมธาตุ ซึ่งตั้งอยู่ในต.ชัยนาท อ.เมือง จ.ชัยนาท เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม และขอข้อเท็จจริงในเรื่องของการจัดสรรน้ำของโครงการฯ

ทั้งนี้ ชาวนาทั้ง 2 อำเภอ อยู่บนคลองส่งน้ำสายเดียวกัน และมีปัญหาแย่งน้ำทำนา ทำให้ได้รับความเดือดร้อนทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากน้ำมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะใช้ปลูกข้าว โดยเฉพาะด้านท้ายน้ำได้น้ำใช้ทำนาเพียงแค่ 2-3 วันน้ำก็หมด ไม่สามารถสูบขึ้นมาได้


ต่อมานายวิชัย พาตา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบรมธาตุ สำนักชลประทานที่ 12 ได้ให้ชาวนาทั้ง 2 กลุ่ม ส่งตัวแทนกลุ่มละ 10 คน เข้าร่วมประชุมตกลงกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดชัยนาทเข้าร่วมทำการไกล่เกลี่ย

โดยปัญหาเกิดจากชาวนาทั้ง 2 กลุ่ม เคยทำข้อตกลงว่าจะสลับเวรกันสูบน้ำเข้านา กลุ่มละ 5 วัน แต่ปรากฏว่ามีผู้แอบลักลอบสูบน้ำโดยไม่เคารพกติกาจำนวนมาก รวมไปถึงมีการใช้โซ่มาล็อกบานประตูกั้นน้ำที่จะไหลไปยังต.ดงคอน และต.วังไก่เถื่อน จ.ชัยนาท ทำให้เกิดปัญหาการแย่งน้ำกันขึ้น จึงต้องการให้ทางราชการช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งการพูดคุยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้ง 2 กลุ่มจึงได้ข้อตกลงร่วมกัน



สรุปว่า ทั้ง 2 กลุ่ม จะทำการสลับเวรกันสูบน้ำกลุ่มละ 6 วัน โดยเริ่มที่พื้นที่ตอน 4 คือพื้นที่ อ.บางระจัน สูบน้ำก่อนตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. ถึงวันที่ 14 มิ.ย. 58 จากนั้นจะสลับให้พื้นที่อ.สรรคบุรี สูบ 6 วัน และสลับให้พื้นที่บางระจัน สูบอีก 6 วัน โดยเจ้าหน้าที่โครงการได้นำกุญแจมาล็อกบานเปิดรับน้ำทันทีที่มีข้อตกลง ส่วนทหารจะทำหน้าที่ควบคุมให้ทั้ง 2 กลุ่ม เคารพกติกา ไม่ให้มีการลักลอบสูบน้ำนอกเวร ซึ่งจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นได้.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์


สาวโรงงานขี่จยย.ขณะฝนตก เสียหลักลงข้างทางคอหักตาย

เมื่อเวลา 16.00น ช่วงเย็นที่ผ่านมา ของวันนี้ ร้อยตำรวจเอก นันทพล ขุนละคร พนักงานสอบสวน สภ ศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ได้รับแจ้ง จากอาสา หน่วยกู้ภัย พบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิง บริเวณ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ก่อนถึงโรงแรมดิไอคอน รับแจ้ง พร้อมด้วย กำลัง ตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณดังกล่าว


ในที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิง ทราบชื่อต่อมา คือ นางสาว ศรนรินทร์ นานใส อายุ 25 ปี ภูมิลำเนา เลขที่ 73 หมู่ 6 ตำบลโนนทอง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ใกล้กับผู้เสียชีวิต พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ซูโม่ x สี ชมพูดำ หมายเลขทะเบียน 1 กง 9994 ฉะเชิงเทรา ล้มตะแคงอยู่ในที่เกิดเหตุสภาพด้านหน้าพังยับเยิน


นอก จากนั้นบริเวณไหล่ทางยังพบร่องรอยของการเสียหลักลงมา แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบคู่กรณี คาดว่าผู้ตายกำลังขับขี่มุงหน้าที่จะกลับที่พักในช่วงที่ฝนตกหนักเมื่อช่วง บ่ายที่ผ่านมาขับขี่มาด้วยความเร็วอาจมองไม่เห็นทาง หรือถูกรถยนต์เบียดและเสียหลักเฉี่ยวชนป้ายข้างทางกระแทกพื้นด้านล่างจนเสีย ชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบในที่เกิดเหตุอีกครั้ง

ที่มา ข่าวสด


ตร.ยิงเมียดับ-ลูกสาว17สาหัส ก่อนจ่อขมับฆ่าตัวตาย เครียดหลังรับโทรศัพท์ผู้ชาย!!

 เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. ที่สภ.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ร.ต.อ.วชรพล ถึงทรัพย์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ตาคลี ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่บ้านพักตำรวจ สภ.ตาคลี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและไปตรวจสอบ พร้อมกับ พ.ต.ท.นิกร ไชยประพันธ์ หน.พงส.สภ.ตาคลี ที่ห้องพัก ถนนพหลโยธิน ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ทราบว่า ด.ต.ยุรนันท์ อิธิตา ผบ.หมู่(ป.)สภ.ตาคลี ใช้อาวุธปืนยิงภรรยา เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนลูกสาวถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลตาคลี


จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า ด.ต.ยุรนันท์ ใช้อาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 11 มม. ยิงภรรยา ทราบชื่อคือ นางพรสวรรค์ อัมมะตะพิกุล อายุ 36 ปี กระสุนถูกเข้าบริเวณช่องท้อง ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลตาคลี ส่วนลูกสาว อายุ 17 ปี ถูกยิงที่สีข้างได้รับบาดเจ็บนำตัวส่ง รพ.ตาคลี และ ด.ต.ยุรนันท์ ก็ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงเข้าที่ขมับขวาของตัวเองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ในห้องพักชั้นล่างของบ้านพักตำรวจ ในเขตเทศบาลเมืองตาคลี

  จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 11 มม. ตกอยู่ใกล้มือขวาของ ด.ต.ยุรนันท์ และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่จำนวน 3 ปลอก ที่บริเวณปลายเท้า ด.ต.ยุรนันท์ 1 ปลอก เหนือศีรษะอีก 1 ปลอก พบกระสุนค้างในรังเพลิงอีก 1 นัด และมีกระสุนอยู่ในแมกกาซีนอีก 3 นัด


 สาเหตุเบื้องต้น สอบถามจากเพื่อนตำรวจที่สนิทกับ ด.ต.ยุรนันท์ เล่าว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีโทรศัพท์จากผู้ชายโทรเข้ายังมือถือของ ด.ต.ยุรนันท์ ไม่ทราบว่าพูดคุยเรื่องอะไรกัน แต่พอ ด.ต.ยุรนันท์โทรกลับไปหา กลับโทรไม่ติด ประกอบกับช่วงนั้น นางพรสวรรค์ ภรรยาของ ด.ต.ยุรนันท์ เดินทางไปสิงคโปร์ ทำให้ ด.ต.ยุรนันท์ เกิดความหึงหวง ระแวงและเข้าใจว่าภรรยาไปต่างประเทศกับชายอื่น ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. เวลา 18.00 น. นางพรสวรรค์ ภรรยาของ ด.ต.ยุรนันท์ เดินทางกลับมาจากประเทศสิงคโปร์ ด.ต.ยุรนันท์คงไปพูดคุยสอบถาม จึงทำให้เกิดมีปากเสียงเถียงทะเลาะกัน เป็นเหตุให้มีการใช้อาวุธปืนยิงกันดังกล่าว


 พ.ต.อ.ธีระพงษ์ ฤทธิ์จรูญ ผกก.สภ.ตาคลี เผยว่า จากการสอบสวนพบว่าเป็นปัญหาครอบครัวที่เกิดจากความหึงหวง เพราะหลังจากที่นางพรสวรรค์เดินทางกลับจากต่างประเทศ ด.ต.ยุรนันท์ ได้สอบถามรายละเอียด รวมทั้งพูดถึงเรื่องที่มีชายนิรนามโทรศัพท์มาหา ซึ่งทำให้เกิดความหวาดระแวงสงสัยว่าฝ่ายหญิงจะปันใจให้ชายอื่น จึงเกิดมีปากเสียงเถียงทะเลาะกันเป็นเวลานาน จนสุดท้ายมีการใช้อาวุธเข้าตัดสินปัญหา ซึ่งระหว่างทะเลาะกัน ลูกสาวได้เข้ามาห้าม จึงถูกกระสุนปืนไปด้วย ล่าสุดลูกสาวอาการปลอดภัยแล้ว

ที่มา ข่าวสด


Thursday, June 11, 2015

ถึงกับเงิบ! ชมคลิป 2 นักกระโดดน้ำปินส์ คว้า 0 แต้ม


เล่นเอาฮือฮากันทั่วโลกออนไลน์ สำหรับคลิปลีลาการกระโดดน้ำของ 2 นักกระโดดน้ำชาวฟิลิปปินส์ ที่โชว์ลีลาคว้า 0 แต้ม ในการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 11 มิ.ย. ว่า แชร์ว่อนกันทั่วสังคมออนไลน์สำหรับคลิปลีลาการกระโดดน้ำ จอห์น เอลเมอร์สัน ฟาบริกา และ จอห์น เดวิด ปาโฮโย 2 นักกีฬาชาวฟิลิปปินส์ หลังจากที่ทั้งคู่คว้า 0 คะแนน ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการแข่งขันกระโดดน้ำ ซิงโครไนซ์สปริงบอร์ด 3 เมตร ประเภทบุคคล ชาย เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2558 ณ ศูนย์กีฬาทางน้ำโอซีบีซี ในการกระโดดครั้งที่ 4 เอลเมอร์สัน ฟาบริกา ที่ทำคะแนนสะสมมา 143.90 แต้ม ได้พลาดท่าตีลังกาไม่ครบรอบจนเอาหลังกระแทกกับผิวน้ำอย่างแรง

ในขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่ เดวิด ปาโฮโย เพื่อนร่วมชาติของเขาที่มีคะแนนสะสมอยู่ 123.25 แต้ม ก็โชว์ลีลาไม่เป็นสับปะรดเอาเข่าลงน้ำ ในการกระโดดครั้งที่ 4 เหมือนกัน ทำให้กรรมการไม่ลังเล กด 0 คะแนนให้กับคู่นี้ทันที และจากความผิดพลาดดังกล่าวส่งผลให้ทั้ง ฟาบริกา และ ปาโฮโย ตกไปอยู่ในอันดับที่ 7 และ 8 ขณะที่ชาติที่ได้เหรียญทอง, เงิน, ทองแดง ได้แก่ นักกระโดดน้ำจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ถึงคลิปดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่ขบขันของผู้ชม แต่การลงผิดท่าก็ถือเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะอาจจะทำให้ตัวนักกีฬาบาดเจ็บได้ โดยก่อนหน้านี้ ในการแข่งขันกระโดดน้ำแพลตฟอร์ม 10 เมตร ชาย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2558 เมียว ซอว์ ฮเตท์ นักกีฬาของเมียนมา ก็เคยผิดคิวเอาแผ่นหลังกระแทกน้ำ ทำให้แพทย์ต้องเข้ามาดูอาการทันทีหลังจบการแข่งขัน ซึ่งนับว่าโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก



ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

Tuesday, June 9, 2015

"หมากัดกัน"เป็นเรื่อง-เฒ่ายิงหนุ่มดับ! เพื่อนบ้าน-วิวาทประจำ ชกสู้ไม่ได้คว้าปืนซัลโว

 ซัลโวดับสยองหลังสวน หนุ่มคนทรงเจ้าวัย 30 ปี ร่างพรุน ชนวนเหตุจากสุนัขในบ้านไปกัดกับสุนัขของบ้านฝั่งตรงข้ามที่เป็นข้าราชการครูบำนาญวัย 63 ปี ก่อนลุกลามกลายเป็นชกต่อยกัน อดีตครูแก่กว่าสู้ไม่ได้เลยเข้าบ้านไปคว้าปืน .38 รัวยิง 5 นัด จนคู่อริตายคาที่ ก่อนซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีไปตั้งหลักก่อนยอมเข้ามอบตัวในเย็นวันเดียวกัน เผยทั้ง 2 บ้านทะเลาะกันเรื่องสุนัขจนขึ้นโรงพักเป็นประจำ ตั้งแต่สมัยพ่อตาคนตายยังมีชีวิตอยู่ พอหนุ่มคนทรงแต่งงานเข้าบ้านมาก็สานต่อมรดกวิวาทกับคู่กรณีต่อ จนเกิดเหตุสยองขึ้นในที่สุด


เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 9 มิ.ย. ร.ต.ท. หัถยา อ่าวเจริญ พงส.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 23 ซอยต้นโพธิ์ ถ.เขาเงิน อ.หลังสวน จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก. พ.ต.ท.สิชา พูลวงศ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท. ฉัตรชัย นวลจริง พงส.ผนก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์ ร.พ.หลังสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียวมีรั้วรอบขอบชิด อยู่ภายในหมู่บ้านต้นโพธิ์กลางตลาดหลังสวน บริเวณประตูหน้าบ้านพบศพนายสราวุธ เสมาวงศ์ อายุ 30 ปี อาชีพคนทรงเจ้า สังกัดศาลเจ้าบางยี่โรในตลาดหลังสวน นอนหงายจมกองเลือด พบบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด .38 บริเวณลำตัว 2 นัด หน้าอกซ้าย มือขวา และขาข้างขวา แห่งละ 1 นัด รวม 5 นัด ส่วนมือปืน ทราบชื่อ นายพิชัย สังข์สิงห์ อายุ 63 ปี ข้าราชการครูบำนาญ อยู่บ้านเลขที่ 21 ซอยต้นโพธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกัน หลังก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ สีแดง ไม่ทราบทะเบียนหลบหนีไป


สอบสวนทราบว่า นายสราวุธนอกจากมีอาชีพคนทรงเจ้าแล้ว ยังเป็นเป็นตำรวจอาสาสังกัดสภ.บ้านในหูต ส่วนนายพิชัยเป็นข้าราชการครูบำนาญ มีบ้านอยู่ตรงข้ามกัน แต่คนทั้งคู่ทะเลาะด้วยเรื่องสุนัขมานานแล้ว เนื่องจากทั้ง 2 บ้าน ต่างเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว และสุนัขของทั้งคู่ชอบส่งเสียงเห่าและไล่ กัดกันอยู่เสมอ ส่งผลให้เจ้าของบ้านตั้งแต่สมัยพ่อตานายสราวุธยังมีชีวิตอยู่ เมื่อนาย สราวุธมาแต่งงานกับภรรยาและย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านก็รับมรดกทะเลาะกันเพราะเรื่องสุนัขจากพ่อตากับคู่กรณี จนตำรวจเข้าไปไกล่เกลี่ยบ่อยครั้ง และมีเรื่องขึ้นโรงพักเป็นประจำ

ก่อนเกิดเหตุ มีคนขายไก่ทอดนำไก่ย่างสำหรับสุนัขไปส่งให้บ้านนายสราวุธ แต่สุนัขของทั้ง 2 บ้าน เกิดออกมากัดกัน ทำให้นาย สราวุธและนายพิชัยเกิดถกเถียงกันขึ้นก่อนบานปลายกลายเป็นชกต่อยกัน แต่นายพิชัยซึ่งอายุมากกว่าสู้ไม่ได้ จึงวิ่งเข้าบ้านไปนำปืนพกออกมากระหน่ำยิงนายสราวุธจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ต่อมาเวลา 15.40 น. นายพิชัยเข้ามอบตัว ต่อพนักงานสอบสวนที่สภ.หลังสวน พร้อมสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง แต่เป็นการป้องกันตัวที่ถูกนายสราวุธเข้ามาทำร้ายร่างกายก่อน จนแว่นตาหลุดลงกับพื้น จึงชักปืนยิงไปแบบสุ่มๆ หลังจากนั้นด้วยความตกใจจึงขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตั้งหลัก ก่อนเข้ามอบตัวในที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ที่มา ข่าวสด


วอนช่วยแม่เลี้ยงลูก 3 คนล้มป่วย-พิการนานหลายสิบปี!! เพียงลำพัง



วันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น นายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้ว อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง พร้อมด้วย นางบุญเรือน ใต้การ รองนายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้ว นายนิต์ รอดงาน และนายสังคม ปรีชา สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ตำบลท่างิ้ว ได้นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 178 หมู่ที่ 8 บ้านเกาะยางแดง ตำบลท่างิ้ว เพื่อหาทางช่วยเหลือครอบครัวที่มีความเป็นอยู่อย่างลำบากของ นางระเบียบ ช่วยบำรุง อายุ 56 ปี ซึ่งต้องเลี้ยงดูลูกๆ 3 คน ที่ล้มป่วยและพิการ มาโดยลำพัง เป็นระยะเวลาหลายสิบปีแล้ว หลังจากที่สามีเสียชีวิต


 นางระเบียบ เล่าว่า ลูกชายคนโต คือ นายวิชัย อายุ 27 ปี ล้มป่วยเป็นโรคลมชัก ตั้งแต่ยังมีอายุ 1 ขวบ จนต้องนำตัวไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ และกินยามาอย่างต่อเนื่อง โดยทุกวันนี้ยังมีอาการทางระบบประสาท ชอบพูดคุยคนเดียว บางครั้งก็มีอารมณ์รุนแรง และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อย ส่วนลูกชายคนกลาง คือ นายธีระพงษ์ อายุ 21 ปี ล้มป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตั้งแต่ยังมีอายุแค่ 2 เดือน จนส่งผลกระทบต่อระบบประสาท โชคดีที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองและทำงานได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ

 สำหรับลูกสาวคนเล็ก คือ นางสาวสุภัสสร อายุ 16 ปี ล้มป่วยเป็นโรคผิวหนัง ทำให้เป็นผื่นขึ้นทั่วร่างกาย นับตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือน หรือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้ต้องออกจากโรงเรียน ทั้งที่เรียนอยู่แค่ชั้น ป.6 เพื่อนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล จนล่าสุดอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว จึงให้ไปเรียนต่อชั้น ม.1 ที่ กศน.ท่างิ้ว แต่ก็ยังคงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะกำลังโตเป็นสาว และบางครั้งก็ไปไหนมาไหนคนเดียว จากภาระของลูกๆ ทั้ง 3 คน ที่ล้มป่วยและพิการเช่นนี้ จึงทำให้ตนแทบออกไปทำงานที่ไหนไกลๆ ไม่ได้เลย

 นางระเบียบ เล่าอีกว่า ทุกวันนี้ตนพยายามทำงานรับจ้างทุกอย่าง แต่ได้เงินมาแค่วันละ 100-150 บาท หรือบางวันก็ไม่ได้เลย ขณะที่ต้องนำพาทั้ง 4 ชีวิตให้อยู่รอด จนบางครั้งก็ถึงกับท้อแท้ แต่ก็กัดฟันอดทนสู้เพื่อลูกๆ โดยเทศบาลตำบลท่างิ้ว ได้ช่วยเหลือเงินผู้พิการมาเดือนละ 1,600 บาท  ซึ่งตนก็นำไปซื้อข้าวสารมา 1 กระสอบ พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีก เช่น ค่าไฟ ค่ากับข้าว ค่าซ่อมแซมบ้าน ซึ่งก็ได้รับความเมตตาจากผู้บริหาร และ ส.ท.ตำบลท่างิ้ว เรี่ยไรเงินมาช่วยเหลือ


นายนิต์ รอดงาน ส.ท.ตำบลท่างิ้ว กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง มาเยี่ยมเยียนครอบครัวนี้แล้วหลายครั้ง แต่ก็ช่วยเหลือได้เล็กๆ น้อยๆ จึงอยากจะได้ทุนสักก้อนหนึ่งมาให้ นางระเบียบ เลี้ยงไก่ไข่ 40-50 ตัว เพื่อจะได้มีไข่ไก่ไว้กินในครอบครัว และเหลือนำไปขายหารายได้ ดีกว่ารับจ้างรายวัน ซึ่งมีความไม่แน่นอน ทั้งนี้ ทางเทศบาลพร้อมจะจัดเจ้าหน้าที่มาช่วยสร้างโรงเรือนและอุปกรณ์บางส่วน เพื่อให้ครอบครัวของ นางระเบียบ ลืมตาอ้าปากได้สักที

 สำหรับผู้ใดที่ต้องการจะช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว สามารถโอนเงินไปได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาห้วยยอด ชื่อบัญชี นางสาวสุภัสสร ช่วยบำรุง เลขที่บัญชี 983-4-07412-3 หรือโทรศัพท์ (093) 616-6938

ที่มา ข่าวสด


สาวอังกฤษเรียนดำน้ำเกาะเต่า-ถูกใบพัดเรือเฉือนขากระดูกหักสองท่อนสาหัส!! ต่อหน้านทท.



เมือวันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ที่ท่าเรือพระใหญ่ ม.4 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย รถพยาบาลของโรงพยาบาลไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสมุย มารอรับผู้บาดเจ็บเป็นนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษไปดำน้ำที่เกาะเต่า แล้วได้รับอุบัติเหตุขณะดำน้ำถูกใบพัดเรือฟันเข้าที่ขาจนกระดูกหัก 2 ท่อน ขาหวิดขาด ถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งบนเกาะเต่ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสมุย

 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. ศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แจ้งว่า เกิดเหตุนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษได้รับอุบัติเหตุถูกใบพัดของเรือไม่ทราบชนิด ฟันเข้าที่ขาขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะดำน้ำอยู่บริเวณเกาะหินสามก้อน ใกล้ๆ กับเกาะนางยวน หมู่ 2 ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน


  หลังได้รับแจ้งจึงได้นำเรือออกไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.เดวี่ส์ อลิซ หลุยส์ อายุ 20 ปี อาการบาดเจ็บเบื้องต้นพบว่าที่ขาข้างขวา มีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกของมีคมเฉือนจนกระดูกหัก 2 ท่อน และเสียเลือดมาก จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลที่เกาะสมุย

 โดยน.ส.เดวี่ส์ อลิซ หลุยส์ อายุ 20 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เดินทางมาเรียนดำน้ำ กับทัวร์ชื่อ SCUBA SHARK อยู่ในย่านหาดทรายรี บนเกาะเต่า และระหว่างเกิดเหตุเป็นช่วงเย็นใกล้พลบค่ำ ขณะที่นักท่องเที่ยวสาวและคนอื่นๆ หมดเวลาเรียนดำน้ำ และทยอยลอยตัวขึ้นผิวน้ำ ได้มีเรือขนอุปกรณ์ดำน้ำไม่ทราบชื่อเรือและชื่อบริษัท ได้วิ่งเข้าไปเขตนักท่องเที่ยวเรือดำน้ำ และทำให้ใบพัดเรือพัดไปตัดกับขาของนักท่องเที่ยวดังกล่าว หลังเกิดเหตุเรือลำดังกล่าวได้ขับหนีหายไปโดยไม่ยอมเข้าช่วยเหลือ ท่ามกลางความตกตะลึงของสายตานักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกาะเต่าเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเรียนดำน้ำมากที่สุด ซึ่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปีละหลายพันล้านบาท ขณะเดียวกันพบว่ามีปัญหาเรื่องมาตรการในด้านการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจากการเกิดอุบัติหตุ และในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวที่มาเรียนดำน้ำได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการถูกใบพัดเรือหลายสิบคน โดยมีรายงานอ้างว่าแต่ละครั้งที่เกิดอุบัติเหตุกับนักท่องเที่ยว กลุ่มผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบนเกาะเต่าจะพยายามปกปิดเรื่องดังกล่าว จึงอยากเรียกร้องให้หน่วงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับนักท่องเที่ยว เพราะอาจทำให้ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวบนเกาะเต่าเสียหายได้

 ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.นพา เสนาทิพย์ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบไปที่หน่วยกู้ภัยที่รับคนเจ็บและตรวจสอบหาเรือลำที่ก่อเหตุ จนทราบว่าเรือที่ก่อเหตุชื่อ เรือธนิญานำโชค คนขับเรือ ชื่อ นายบุญรอด กลับนาค ทำงานกับบริษัทดำน้ำแห่งหนึ่ง ส่วนสาเหตุทราบว่าระหว่างที่เรือถอยหลังแล้วเกิดไปชนหิน เมื่อถอยอีกครั้งใบพัดเรือได้ฟันถูกผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายท้ายเรือได้ให้ความช่วยเหลือไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด

 ส่วนอาการของ น.ส.เดวี่ส์ อลิซ หลุยส์ อายุ 20 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU โดยความดูแลของแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิด


สำหรับเหตุการณ์ลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.57 โดยเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ Ms. Silji Macdison อายุ 22 ปี สัญชาตินอร์เวย์ ลงไปดำน้ำแล้วถูกใบพัดเรือสปีดโบ๊ตฟันเข้าที่บริเวณศีรษะและร่างกายเสียชีวิต บริเวณอ่าวกองทรายแดง ม.2 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน

ที่มา ข่าวสด


Monday, June 8, 2015

อุทาหรณ์เครื่องเล่น “บ้านลม“ พัดปลิวลิ่ว เด็กตกลงมาเสียชีวิต (ชมคลิป)


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

สำนักข่าวซีซีทีวีจากประเทศจีน ได้เผยแพร่คลิปภาพเหตุการณ์เตือนใจพ่อแม่ผู้ปกครอง เมื่อเครื่องเล่น "บ้านลม" ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น กระแสลมได้พัดและยกบ้านลมทั้งหลังยกตัวลอยสูงขึ้น กลายเป็นโศกนาฏกรรม


ภาพจากคลิปดังกล่าวยังเผยให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามจะดึงตัวเด็กและจับบ้านลมเอาไว้ไม่ให้ลอยหนีไป แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของกระแสลมได้ ก่อนที่บ้านลมทั้งหลังจะยกตัวลอยขึ้นและปลิวไปตามกระแสลม เหตุทำให้ทำให้เด็ก 1-2 คน พลัดตกลงมาเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายคน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง เบื้องต้นเชื่อว่า บ้านลมไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย ไม่มีการใช้สลิงยึดบ้านลมเอาไว้กับพื้นอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งกลายเป็นความหละหลวมที่นำไปสู่การสูญเสียในกลุ่มเด็กครั้งร้ายแรงของเมืองจีน

Source: CCTV



ที่มา sanook


Popular Posts

Flag Counter