คลายปมศาลไม่รับฎีกาคดี "สาวซีวิค" ชน 9 ศพ ชี้ญาติผู้เสียชีวิตได้ประโยชน์!!

ชาวเน็ตจวกศาล หลังสงสัยการพิจารณาคดีสาวซีวิคซิ่งชนรถตู้ 9 ศพ ปมไม่รับฎีกา ด้านนักกฎหมาย แจง ศาลไม่รับฎีกาของจำเลยเท่ากับผู้เสียชีวิตได้ประโยชน์เพราะคดีจบเร็ว จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี
จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 ที่ผ่านมา หญิงสาววัย 17 ปี ขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสายธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ จนเป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิตรวม 9 ราย โดยศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาไปแล้วให้จำคุก 2 ปี แต่แก้โทษให้เพิ่มเวลารอลงอาญาจาก 3 ปี เป็น 4 ปี เพิ่มเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง รวม 4 ปี และห้ามขับรถจนอายุ 25 ปี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 58 ได้มีรายงานข่าวระบุว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฎีกาในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีดังที่กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ศาลเยาวชนฯ ได้พิพากษาไม่รับฎีกาในคดีดังกล่าว โดยพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เดิมคือ ให้จำคุก 2 ปี แต่แก้โทษให้เพิ่มเวลารอลงอาญาจาก 3 ปี เป็น 4 ปี เพิ่มเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง รวม 4 ปี และห้ามขับรถยนต์จนถึงอายุ 25 ปี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาคดีดังกล่าวได้กลับมาเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง เมื่อประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในการพิจารณาคดีของศาล เพราะเข้าใจว่าการที่ศาลไม่รับฎีกาเป็นผลดีแก่จำเลย
จากนั้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค.58 ทางเฟซบุ๊กเพจ "Drama-addict" จึงได้เผยแพร่ความคิดเห็นของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Nithi Nikita Laiedde" ซึ่งระบุว่าเป็นรุ่นพี่ของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว และได้อธิบายกรณีที่ทางศาลไม่รับฎีกาของฝ่ายจำเลยว่า การที่ศาลไม่รับฎีกาของจำเลยนั้น เท่ากับว่าผู้เสียชีวิตได้ผลประโยชน์ เพราะคดีจบเร็ว จำเลยเป็นผู้แพ้คดี
นอกจากนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าวยังระบุด้วยว่า คดีอาญาควรจะจบให้เร็วที่สุด เพราะหากศาลรับฎีกาแล้ว จะกลายเป็นว่ายืดคดีออกไปอีก ส่งผลให้ผู้เสียหายที่จะต้องได้รับการเยียวยาก็ต้องรอต่อไปอีก โดยระบุข้อความสำคัญดังนี้
"ผมไม่ได้เข้าข้างแพรวาหรือจะมาปกป้องศาลนะ รุ่นน้องคณะผมคนนึงก็เสียชีวิตในรถตู้คันนั้น ทีมทนายผู้เสียหายก็คืออาจารย์ของผมเอง แต่ก่อนจะด่าศาลหรือกฎหมายไทย ผมอยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่าคดีนี้
-ศาลชั้นต้น ตัดสินว่า แพรวามีความผิดขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 3 ปี รอลงอาญา 3 ปี
-แพรวาอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษเบาๆ หน่อย (คหสต.แมร่งคิดแค่ประวิงคดีแน่ๆ) ทีมทนายอ.ธรรมศาสตร์ เลยอุทธรณ์บ้าง บอกว่าการที่ท่านลงโทษจำเลยมันเบาไปนะ ขอให้ท่านลงโทษแพรวาให้หนักขึ้น กลายเป็น รอลงอาญา 4 ปี ซึ่งก็แปลว่าศาลเห็นตามที่ทนายฝั่งญาติผู้เสียชีวิตเรียกร้อง ลงโทษแพรวาเพิ่ม
-ต่อมาแพรวายื่นฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษแรงเกินไป ขอให้ลดโทษลงหน่อย ศาลฎีกาไม่รับฎีกาของแพรวา
***แบบนี้หมายความว่าศาลเห็นด้วยกับฝ่ายผู้เสียชีวิตนะครับ ฝ่ายผู้เสียชีวิตชนะคดีนะครับ ไม่ใช่แพรวาชนะ***
คดีอาญาควรจะจบให้เร็วที่สุดเพราะถ้าศาลรับฎีกา (ซึ่งแพรวาน่าจะยื่นเพื่อประวิงคดีถ่วงเวลาให้นานออกไป ศาลฎีกาน่าจะใช้เวลาในการวินิจฉัยอีกเป็นปี) หมายความว่าคดีจะยืดยาวไปอีก เวลาที่ผู้เสียหายจะได้รับการเยียวยาก็จะช้าออกไปอีก เพราะทำให้คดีแพ่งที่ผู้เสียหายฟ้องแพงแพรวา+ครอบครัวยืดยาวต่อไป (คดีแพ่งศาลสั่งว่ารอผลคดีอาญาก่อนจึงจะวินิจฉัยได้) ซึ่งสุดท้ายผลคดีแพ่งผู้เสียหายน่าจะชนะ 100% อยู่แล้ว ถ้าแพรวาไม่จ่ายก็ยึดทรัพย์ (ดูน่าจะมีให้ยึดเยอะอยู่) เพื่อบังคับคดีมาชดใช้ผู้เสียหายต่อไป
อันนี้ คหสต.แบบโลกไม่สวยนะ ผมเคยดูแลคดีให้ทั้งคนจน คนรวย ทั้งฝ่ายชนเขา กับผู้เสียหาย ถ้าเลือกได้ผมขอให้ถูกคนรวยชนมากกว่า คนรวยมีตังค์จ่ายค่าเสียหายเยียวยาผู้เสียหายแลกกับการที่ตัวเองจะไม่ติดคุก (ถ้าศาลเห็นว่ามีการเยียวยา+ความผิดครั้งแรก ศาลมักจะรอลงอาญา) แต่คนจนที่ไปชนเค้าตายมักจะบอกว่า กูยอมติดคุก อยากได้อะไรไปฟ้องเอาเอง กูไม่มีทรัพย์สินให้ยึด สุดท้ายญาติผู้เสียหายได้แค่กระดาษคำพิพากษาเปล่าๆ ตายฟรีไป
คดีนี้ยังดีที่แพรวาเป็นเยาวชน ถ้าแพรวาบรรลุนิติภาวะแล้ว ผู้เสียหายเครียดยิ่งกว่านี้อีก เพราะฟ้องพ่อแม่แพรวาให้รับผิดด้วยไม่ได้
***ย้ำอีกครั้ง ศาลไม่รับฎีกาของจำเลย = ผู้เสียชีวิตได้ประโยชน์เพราะคดีจบเร็ว แพรวาแพ้คดี****"
ขอบคุณภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์